เที่ยวฟาร์มหอยลุงแมว
มาเที่ยวจังหวัดติดทะเลอย่างจันทบุรีทั้งที จะให้ไม่นึกถึงอาหารทะเลได้อย่างไร
ว่าแล้วเจ้าหน้าที่ของสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 ก็แนะนำให้คนขับเรือพาเราไปเที่ยวชมฟาร์มหอยนางรมของลุงแมว ซึ่งอยู่ห่างจากท่าเรือของสถานีฯ ราว 20 กิโลเมตร
สำหรับนักชิมที่นิยมอาหารทะเล คงรู้ดีว่าหอยนางรมนอกจากรสเลิศ ยังเป็นอาหารบำรุงชั้นยอด
ฟาร์มหอยของลุงแมวตั้งอยู่กลางผืนน้ำกว้างใหญ่เวิ้งว้าง เพราะเป็นบริเวณปากแม่น้ำเชื่อมต่อกับทะเล ในเขตพื้นที่บ้านท่ามะขาม ตำบลวันยาว ซึ่งเป็นบริเวณน้ำกร่อย
ใครได้มาเห็นคงทึ่งเหมือนเรา เพราะเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ โดยใช้เสาและโครงไม้ไผ่ต่อเป็นแผงคล้ายนั่งร้านสำหรับผูกเชือกเลี้ยงหอย เรียงกันเป็นแถวยาวเหยียดกลางน้ำ
ลุงแมว หรือ ปรีดา โภคพิพัฒน์ ชายวัยกลางคนใจดี คุยสนุก เล่าให้ฟังว่าแกเติบโตมากับอาชีพประมง เลี้ยงสัตว์น้ำมาแทบทุกชนิดแต่ขาดทุนมาโดยตลอด เพิ่งจะลืมตาอ้าปากได้จากการเลี้ยงหอยนางรม
วิธีเลี้ยงก็ไม่ยาก เริ่มจากไปซื้อลูกพันธุ์หอยนางรม ลักษณะเป็นลูกหอยขนาดเล็กเกาะติดกับเส้นเชือก นำมาผูกติดกับโครงไม้ไผ่ ให้ปลายเชือกที่หอยเกาะติดจมอยู่ใต้ผิวน้ำ จากนั้นแทบไม่ต้องดูแล รอเวลาประมาณ 9 เดือนจนโตได้ขนาดก็เก็บขาย
สิ่งที่แตกต่างก็คือ ขณะที่คนอื่นเลี้ยงหอยบนแพถังลอยน้ำ ลุงแมวเป็นเจ้าแรกที่ริเริ่มเลี้ยงหอยโดยแขวนกับโครงไม้ไผ่
จากจุดเริ่มต้นยังเป็นฟาร์มขนาดเล็ก ค่อยๆ ขยับขยาย จนทุกวันนี้มีแผงนั่งร้านไม้ไผ่นับร้อยแผง ผูกเชือกพวงหอยนางรมนับหมื่นพวง
ลุงเล่าว่าปีที่ผ่านมาเลี้ยงหอยนางรมได้ประมาณ 700 ตัน (น้ำหนักรวมทั้งเปลือก)
เรียกว่าเลี้ยงเท่าไรก็ขายได้หมด เพราะมีเถ้าแก่จากอ่างศิลา จ.ชลบุรี เป็นขาประจำมารับซื้อไปส่งให้ร้านสุกี้ชื่อดังอีกทีหนึ่ง
มีนักท่องเที่ยวนั่งเรือมาเยี่ยมชมฟาร์มหอยลุงแมวเป็นระยะ พวกเขาจะได้กินหอยนางรมสดจิ้มกับน้ำพริกเกลือ สดชนิดที่เพิ่งเอาขึ้นจากน้ำ ใช้มีดแงะฝาตัดจากเปลือกมาให้เดี๋ยวนั้น
นอกจากนั้นยังได้ทานอาหารทะเลอื่นๆ เพราะลุงแมวยังเลี้ยงทั้งหอยแครงและปลาในกะชัง ทั้งปลากระพงและปลาเก๋า
ลุงแมวและคนในหมู่บ้านที่มารวมกลุ่มทำฟาร์มเลี้ยงหอยกำลังคิดกันว่าจะทำให้ฟาร์มหอยเป็นแหล่งท่องเที่ยววิสาหกิจชุมชน โดยปลูกสร้างศาลากลางน้ำเป็นร้านอาหาร มีเรือรับนักท่องเที่ยวจากหมู่บ้านมาเที่ยวฟาร์มหอย แล้วได้ลองชิมอาหารทะเลสดใหม่
ใครได้มาชิมคงจะติดใจเหมือนกับพวกเรา เพราะบอกแล้วว่าของเขาสดจริงๆ