วิหารมงคลบพิตร
วิหารมงคลบพิตรตั้งอยู่ด้านใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวเข้ามากราบนมัสการ พระมงคลบพิตร ในวิหารนี้กันอย่างเนืองแน่น เมื่อเข้าสู่ตัววิหาร สิ่งที่สะกดทุกสายตาให้ต้องเงยหน้าขึ้นมองก็คือพระพุทธรูปขนาดใหญ่ สีทองงามจับตา พระพักตร์แลดูนิ่ง ส่งให้ผู้มาเยือนเกิดความสงบเย็นขึ้นในจิตใจ
พระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สูงถึง 12.45 เมตร จัดเป็นพระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งในประเทศไทย องค์พระก่อด้วยอิฐถือปูน หุ้มภายนอกด้วยสำริด แล้วลงรักปิดทอง
น่าเสียดายที่แม้ไม่ปรากฏประวัติการสร้างแน่ชัดว่าสร้างขึ้นในรัชกาลใด แต่เมื่อพิจารณาจากพระพักตร์ที่ค่อนข้างเหลี่ยม อีกทั้งเส้นพระขนงโค้งอ่อนหวานซึ่งแสดงถึงอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย ก็ทำให้รู้ว่าพระมงคลบพิตรน่าจะสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้นนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานกล่าวว่าในปี พ.ศ. 2146 พระเจ้าทรงธรรมโปรดฯ ให้ชะลอพระมงคลบพิตรจากด้านตะวันออกของพระราชวังหลวงมาไว้ทางด้านตะวันตก และโปรดเกล้าฯ ให้ก่อมณฑปที่มีรูปแบบเดียวกับมณฑปพระพุทธบาท สระบุรี ครอบไว้ด้วย ต่อมาในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายมณฑปอีกครั้งหนึ่ง มายังบริเวณที่ตั้งปัจจุบัน
ตัววิหารมงคลบพิตรผ่านการบูรณะซ่อมแซมมาหลายยุคสมัย เนื่องจากในสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ เกิดฟ้าผ่ายอดมณฑป ทำให้ไฟไหม้เครื่องบนจนพังลงมาถูกเศียรพระหัก ต่อมาในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจึงบูรณะใหม่ เปลี่ยนจากหลังคาทรงมณฑปมาเป็นหลังคาวิหารอย่างปัจจุบัน ก่อนจะถูกไฟไหม้อีกครั้งในคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2
สำหรับวิหารหลังที่เห็นในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่เมื่อราวปี พ.ศ. 2499 ในสมัยรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี
เกร็ด
ในคราวบูรณะซ่อมแซมองค์หลวงพ่อมงคลบพิตร เมื่อ พ.ศ. 2500 กรมศิลปากรได้พบพระพุทธรูปหลายองค์บรรจุอยู่ภายในพระอุระด้านขวาขององค์พระ ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
วิหารมงคลบพิตร
 |
ถ. ศรีสรรเพชญ์ อยู่ทางด้านใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์
|